แกงฮังเล
แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยประเภทแกงรสชาติเค็ม - เปรี้ยว แกงฮังเลมีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า
"ฮิน" ในภาษาพม่าหมายถึง แกง และ
"เล" ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิบสองปันนาประเทศจีน
วิธีปรุงแกงฮังเลมีสองแบบคือแบบม่านและแบบเชียงแสน
โดยแบบม่านได้รับความนิยมมากกว่า
ส่วนประกอบสำคัญจะต้องมีผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่าซึ่งเป็นผงเครื่องเทศแบบผสมแบบเดียวกับการัม
มาซาลาของอินเดีย น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่าแก่ ตะไคร้ กระเทียม
หอมแดง
เครื่องปรุง
- ขาหมู (ขาหน้า) 1 กิโลกรัม
(โดยทั่วไป นิยมใช้สันนอก และหมูสามชั้น หั่น 2 x 2 นิ้ว ในปริมาณเท่า ๆ กัน)
- กระเทียมปอกเปลือก 1/2 ถ้วยตวง
ใช้กระเทียมจีน เพราะเมื่อนำไปอุ่นซ้ำจะไม่เละเหมือนกระเทียมไทย
- ขิงสดหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
- แกนสับปะรด 1/2 ถ้วยตวง
(ใส่เพื่อให้เนื้อหมูนิ่มเร็วขึ้นค่ะ ไม่ต้องเคี่ยวนานเกินไป)
- ผงแกงฮังเล 1
ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา
- ซีอิ็วดำ
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปีบ
ส่วนผสมเครื่องแกง
- พริกแห้ง
- หอมแดง
- กระเทียมไทย
- ตะไคร้
- เกลือ
- กะปิ (หรือถั่วเน่า-มีขายที่ภาคเหนือ)
วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูกว้างยาวประมาณ 2 นิ้ว นำไปคลุกกับซีอิ๊วดำ หมักทิ้งไว้นานประมาณ 10 นาที
1. หั่นเนื้อหมูกว้างยาวประมาณ 2 นิ้ว นำไปคลุกกับซีอิ๊วดำ หมักทิ้งไว้นานประมาณ 10 นาที
2. โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด หรือหากจะปั่นเครื่องแกง
ควรโขลกเครื่องปรุงเสียก่อนพอหยาบ ๆ
จะทำให้ได้กลิ่นหอมน้ำมันจากสมุนไพร
จะทำให้ได้กลิ่นหอมน้ำมันจากสมุนไพร
3. นำเนื้อหมูที่หมักไว้ใส่หม้อเติมน้ำลงไปพอท่วมเนื้อหมูยกขึ้นตั้งไฟ
ใส่เครื่องแกง แกนสับปะรด
พอร้อนใส่เต็มที่จึงใส่ผงแกงฮังเล เคี่ยวด้วยไฟอ่อนสุด จนหมูเปื่อย
พอร้อนใส่เต็มที่จึงใส่ผงแกงฮังเล เคี่ยวด้วยไฟอ่อนสุด จนหมูเปื่อย
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียก (อันนี้ส่วนตัวค่ะ
: กิมเล้งจะไม่ใส่น้ำมะขามเปียก)
น้ำพริกอ่อง
น้ำพริกอ่อง เป็นน้ำพริกซึ่งนิยมรับประทานกันในภาคเหนือของประเทศไทยพอ ๆ กับน้ำพริกหนุ่ม มีรสเผ็ดพริก เปรี้ยวมะเขือเทศ
และเค็มถั่วเน่า ส่วนผสมทั้งสามอย่างนี้ทำให้น้ำพริกมีสีแดงส้มสะดุดตา
น้ำพริกอ่องจะมีลักษณะคล้ายผัดหมูสับ มากกว่าจะเป็นน้ำพริกไว้จิ้มทั่วไป
สามารถใส่น้ำขลุกขลิกหรือใส่น้ำจนลักษณะคล้ายแกงก็ได้
เป็นน้ำพริกที่นิยมรับประทานกับแคบหมูและผักสด เช่น แตงกวาหั่นแว่น ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี
มากกว่าผักลวกหรือผักนึ่ง น้ำพริกสำหรับผัดน้ำพริกอ่อง
จะคล้ายน้ำพริกแกงส้มของทางภาคกลาง เพียงแต่ไม่ใส่กระชาย และใช้พริกแห้งแทนพริกหยวก
(ภาษาเหนือเรียกว่า พริกหนุ่ม) น้ำพริกจึงประกอบไปด้วย พริก เกลือ หอมแดง กระเทียม
กะปิ ถั่วเน่า สามารถใส่หรือไม่ใส่ตะไคร้ก็ได้ เดิมนั้นใช้ถั่วเน่าแผ่น
ปิ้งไฟให้หอม ปัจจุบันสามารถใช้เต้าเจี้ยวสีน้ำตาลตามท้องตลาดแทนได้
การเจียวน้ำพริก หากไม่ชอบกระเทียมเจียวก็สามารถเจียวด้วยหอมแดงซอยน้ำพริกอ่องสามารถนำไปทำเป็นน้ำเงี้ยว
ต่อได้
วิธีทำ
เครื่องปรุง
เครื่องปรุง
- หมูสับ 250 กรัม
- มะเขือเทศลูกใหญ่ 3-4 ลูก
- พริกแห้งบางช้างหั่นเป็นท่อน
เอาเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
- ข่า 2 แว่น
- กะปิปิ้งไฟ หรือถั่วเน่า 1 ช้อนชา
- หอมแดง 2 หัว
- กระเทียมกลีบเล็ก 4 กลีบ
- รากผักชี 2 ราก
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา พอประมาณ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- รสดีรสหมู 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย พอประมาณ
- ผักชีซอย พอประมาณ
ผักแกล้ม : แตงล้าน กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักไผ่ ถั่วฝักยาว
เครื่องเคียง : ข้าวเหนียว แคบหมู
วิธีทำ
1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ข่า รากผักชี กะปิหรือถั่วเน่ารวมกันให้ละเอียด
2. นำหมูสับลงไปย้ำกับครกให้เข้ากับเครื่องแกงน้ำพริกที่โขลกไว้ นำมะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้น เล็ก ๆ ใส่ลงในครกแล้วย้ำให้เข้ากัน แต่อย่าให้ละเอียด
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป พอร้อนใส่กระเทียมสับที่เหลือลงไป ผัดให้หอม นำเครื่องที่โขลกกับหมูไว้ลงผัดให้ทั่ว ใส่รสดีรสหมูลงไปผัดด้วยไฟอ่อน ปรุงรสด้วยน้ำปลา แล้วเคี่ยวจนกระทั่งมะเขือเทศเปื่อย
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม เสิร์ฟพร้อมกับผักสด และแคบหมู.
ขอบคุณสูตรจาก teenee.com
ภาพจากhttp://board.palungjit.com/
- หมูสับ 250 กรัม
- มะเขือเทศลูกใหญ่ 3-4 ลูก
- พริกแห้งบางช้างหั่นเป็นท่อน
เอาเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด
- ข่า 2 แว่น
- กะปิปิ้งไฟ หรือถั่วเน่า 1 ช้อนชา
- หอมแดง 2 หัว
- กระเทียมกลีบเล็ก 4 กลีบ
- รากผักชี 2 ราก
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา พอประมาณ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- รสดีรสหมู 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย พอประมาณ
- ผักชีซอย พอประมาณ
ผักแกล้ม : แตงล้าน กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักไผ่ ถั่วฝักยาว
เครื่องเคียง : ข้าวเหนียว แคบหมู
วิธีทำ
1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ข่า รากผักชี กะปิหรือถั่วเน่ารวมกันให้ละเอียด
2. นำหมูสับลงไปย้ำกับครกให้เข้ากับเครื่องแกงน้ำพริกที่โขลกไว้ นำมะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้น เล็ก ๆ ใส่ลงในครกแล้วย้ำให้เข้ากัน แต่อย่าให้ละเอียด
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป พอร้อนใส่กระเทียมสับที่เหลือลงไป ผัดให้หอม นำเครื่องที่โขลกกับหมูไว้ลงผัดให้ทั่ว ใส่รสดีรสหมูลงไปผัดด้วยไฟอ่อน ปรุงรสด้วยน้ำปลา แล้วเคี่ยวจนกระทั่งมะเขือเทศเปื่อย
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม เสิร์ฟพร้อมกับผักสด และแคบหมู.
ขอบคุณสูตรจาก teenee.com
ภาพจากhttp://board.palungjit.com/
น้ำพริกหนุ่ม
น้ำพริกหนุ่ม คือน้ำพริก อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป
ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้แต่ส่วนมากใช้พริกหนุ่มที่ยังไม่แก่จัด
หอม และกระเทียม นำมาย่างและโขลกส่วนผสมและเกลือ รับประทานกับแคบหมู ผัก ข้าวเหนียว
บางสูตรใส่ปลาร้าสับ และกะปิห่อใบตองย่างไฟ บางสูตรใส่น้ำปลากับเกลือ
วิธีทำ
ส่วนประกอบของน้ำพริกหนุ่ม
พริกหนุ่มปิ้ง 10-15 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
มะเขือเทศห่าม ๆ 6-7 ผล
ปลาร้าปลาช่อน หรือ ปลากระดี่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกหนุ่มคั่ว 5 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/2 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
น้ำปลาร้าต้มข้น ๆ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
1. ปลอกเปลือกพริก หอม
มะเขือเทศ ที่ไหม้เกรียมออก
2. นำปลาร้าปลาช่อนมาห่อใบตองแล้วเผาไฟ
แกะเนื้อปลามาสับให้ละเอียด
3. โขลกพริก หอม
กระเทียม มะเขือเทศ ที่เตรียมเอาไว้ทั้งหมด ใส่เนื้อปลาร้าสับและน้ำปลาร้าต้ม
โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว
4. ตักใส่ถ้วยแล้ว
จัดเสิร์ฟพร้อมกับแคบหมู
ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก http://www.pantown.com/board.php?id=28087&area=3&name=board4&topic=30&action=view
ไส้อั่ว
ไส้อั่ว เป็นอาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย อั่ว หมายถึง
ใส่ไส้, แทรก, ยัดไว้ตรงกลาง ปกติทำจากเนื้อหมูบด (สามารถผสมกับมันแข็งของหมู เพื่อไม่ให้เนื้อหมูด้านเวลาสุก) ผสมพริกแห้ง กระเทียม ขมิ้น (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) ข่า ใบมกรูด หอมแดง และเครื่องปรุงรสแล้วกรอกลงไปในไส้อ่อนของหมูที่เกลาจนบางแล้ว บิดให้เป็นท่อนพอประมาณ
จากนั้นนำไปย่างให้เกรียม จะทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน
บางแห่งเปลี่ยนจากหมูเป็นหน่อไม้ซอยละเอียด
สำหรับมุสลิมหรือไม่ประสงค์ที่จะรับประทานหมูอาจจะดัดแปลงใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่น
แล้วก็กรอกเข้าไปในไส้สัตว์ชนิดอื่นหรือไส้เทียมแทน
ส่วนผสม ไส้อั่ว
1.
เนื้อหมูบด 1 กิโลกรัม
2.
ไส้หมู 300 กรัม
3.
ใบมะกรูด 10 ใบ
4.
ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
5.
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง ไส้อั่ว
1.
พริกแห้ง 10 เม็ด
2.
ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
3.
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4.
หอมแดง 10 หัว
5.
กระเทียม 20 กลีบ
6.
กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
7.
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ ไส้อั่ว
1.
โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2.
ล้างไส้หมูให้สะอาด
โดยใส่น้ำลงในไส้ แล้วกลับด้านในออกมาด้านนอก นำไปแช่น้ำใส่เกลือ ประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านนอกออกเหมือนเดิม
3.
ใส่เครื่องแกงลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบดให้เข้ากันใส่ผักชีต้นหอมซอย
ใบมะกรูดซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4.
นำหมูที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้ว
มากรอกใส่ไส้หมู โดยใช้กรวยช่วยในการกรอกหมูใส่ไส้เมื่อกรอกไส้จนเต็มแล้ว
มัดปากไส้
5.
นำไส้อั่วที่ได้มาย่างไฟอ่อนๆ
จนสุกเหลืองทั่ว ประมาณ 45 นาที
แคบหมู
แคบหมู คือ หนังหมูหรือหนังหมูติดมันทอดให้พองและกรอบ
เป็นอาหารที่ปรากฏในทุกภูมิภาคของโลก ในภาษาอังกฤษเรียก pork snack, pork
rind, pork scratching หรือ pork crackling
ในประเทศไทย
แคบหมูมักใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงอาหารอื่น ๆ เช่น น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยว น้ำเงี้ยว ฯลฯ หรือเป็นส่วนผสมประกอบอาหารอื่น ๆ
เช่น พวกน้ำพริกหรือแกง ถ้าใช้หนังสัตว์อื่น จะเปลี่ยนไปเรียกชื่อตามสัตว์นั้น ๆ
เช่น แคบควาย ทำจากหนังกระบือ แต่ถ้าทำจากหนังโค จะเรียก หนังพอง
1. หนังหมูสด 1
กิโลกรัม
2. เกลือป่น 5 กรัม
3. ซีอิ้วขาว 14 กรัม
วิธีทำ
1. ทำความสะอาดหนังหมู โดยขูดออกจนสะอาด
2. นำไปต้มทั้งชิ้นใหญ่ ๆ จนสุก สังเกตได้จากการที่เอาเล็บหยิก หนังหมูได้ จากนั้นนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เลาะมันที่ติดอยู่กับหนังออกให้หมด
3. นำมาคลุกเคล้ากับเกลือป่น และซีอิ้วขาว แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาด 1x2 นิ้ว หรือตามความชอบของผู้บริโภคแต่ละท้องถิ่น
4. นำไปตากแดด 5-8 ชั่วโมง หรืออบไฟที่อุณหภูมิ 70 c นาน 7 ชั่วโมง จนหนังหมูเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลอ่อน
5. ต้มในน้ำมันใช้ไฟอ่อน ๆ ประมาณ 30 นาที หนังหมูเมื่อสุกแล้ว ลอยตัวขึ้นมา และจะแตกเป็นตุ่มเล็ก ๆ เรียกว่า ตากบตาเขียด ร้อยละ 20-30 ของหนังหมู
6. ตักหนังหมูขึ้นจาก กระทะ ผึ่งให้เย็น ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ที่อุณหภูมิ ห้องปกติ หนังหมูก็จะเย็น
7. นำไปทอดในน้ำมันอีกครั้ง ใช้ไฟขนาดปานกลาง ไม่ร้อนจนเกินไป ขณะทอดให้ใช้ตะหลิว กวนในกระทะด้วย เพื่อให้แคบหมูไดรับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูได้รับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูหากใช้ไฟแรงจะทำให้ไหม้ ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไป จะทำให้อมน้ำมันทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเก็บไว้ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท ป้องกันไม่ให้อากาศเข้า
2. เกลือป่น 5 กรัม
3. ซีอิ้วขาว 14 กรัม
วิธีทำ
1. ทำความสะอาดหนังหมู โดยขูดออกจนสะอาด
2. นำไปต้มทั้งชิ้นใหญ่ ๆ จนสุก สังเกตได้จากการที่เอาเล็บหยิก หนังหมูได้ จากนั้นนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เลาะมันที่ติดอยู่กับหนังออกให้หมด
3. นำมาคลุกเคล้ากับเกลือป่น และซีอิ้วขาว แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาด 1x2 นิ้ว หรือตามความชอบของผู้บริโภคแต่ละท้องถิ่น
4. นำไปตากแดด 5-8 ชั่วโมง หรืออบไฟที่อุณหภูมิ 70 c นาน 7 ชั่วโมง จนหนังหมูเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลอ่อน
5. ต้มในน้ำมันใช้ไฟอ่อน ๆ ประมาณ 30 นาที หนังหมูเมื่อสุกแล้ว ลอยตัวขึ้นมา และจะแตกเป็นตุ่มเล็ก ๆ เรียกว่า ตากบตาเขียด ร้อยละ 20-30 ของหนังหมู
6. ตักหนังหมูขึ้นจาก กระทะ ผึ่งให้เย็น ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ที่อุณหภูมิ ห้องปกติ หนังหมูก็จะเย็น
7. นำไปทอดในน้ำมันอีกครั้ง ใช้ไฟขนาดปานกลาง ไม่ร้อนจนเกินไป ขณะทอดให้ใช้ตะหลิว กวนในกระทะด้วย เพื่อให้แคบหมูไดรับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูได้รับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูหากใช้ไฟแรงจะทำให้ไหม้ ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไป จะทำให้อมน้ำมันทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเก็บไว้ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท ป้องกันไม่ให้อากาศเข้า
ที่มา : www.krunid.com
อ้างอิง : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/culture_lanna3.php



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น