วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

อาหารที่อยู่ในขันโตก

แกงฮังเล


แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยประเภทแกงรสชาติเค็ม - เปรี้ยว แกงฮังเลมีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า "ฮิน" ในภาษาพม่าหมายถึง แกง และ "เล" ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิบสองปันนาประเทศจีน
วิธีปรุงแกงฮังเลมีสองแบบคือแบบม่านและแบบเชียงแสน โดยแบบม่านได้รับความนิยมมากกว่า ส่วนประกอบสำคัญจะต้องมีผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่าซึ่งเป็นผงเครื่องเทศแบบผสมแบบเดียวกับการัม มาซาลาของอินเดีย น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่าแก่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง



เครื่องปรุง
  • ขาหมู (ขาหน้า)   1  กิโลกรัม   (โดยทั่วไป นิยมใช้สันนอก และหมูสามชั้น  หั่น 2 x 2 นิ้ว  ในปริมาณเท่า ๆ กัน)
  • กระเทียมปอกเปลือก  1/2 ถ้วยตวง  ใช้กระเทียมจีน เพราะเมื่อนำไปอุ่นซ้ำจะไม่เละเหมือนกระเทียมไทย
  • ขิงสดหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง
  • แกนสับปะรด  1/2 ถ้วยตวง (ใส่เพื่อให้เนื้อหมูนิ่มเร็วขึ้นค่ะ ไม่ต้องเคี่ยวนานเกินไป)
  • ผงแกงฮังเล 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา
  • ซีอิ็วดำ
  • น้ำมะขามเปียก
  • น้ำตาลปีบ
ส่วนผสมเครื่องแกง
  • พริกแห้ง
  • หอมแดง
  • กระเทียมไทย
  • ตะไคร้
  • เกลือ
  • กะปิ (หรือถั่วเน่า-มีขายที่ภาคเหนือ)

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูกว้างยาวประมาณ 2 นิ้ว  นำไปคลุกกับซีอิ๊วดำ หมักทิ้งไว้นานประมาณ 10 นาที
2. โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด หรือหากจะปั่นเครื่องแกง  ควรโขลกเครื่องปรุงเสียก่อนพอหยาบ ๆ
จะทำให้ได้กลิ่นหอมน้ำมันจากสมุนไพร
3. นำเนื้อหมูที่หมักไว้ใส่หม้อเติมน้ำลงไปพอท่วมเนื้อหมูยกขึ้นตั้งไฟ   ใส่เครื่องแกง  แกนสับปะรด
พอร้อนใส่เต็มที่จึงใส่ผงแกงฮังเล   เคี่ยวด้วยไฟอ่อนสุด  จนหมูเปื่อย

4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา  น้ำตาลปีบ  น้ำมะขามเปียก (อันนี้ส่วนตัวค่ะ :  กิมเล้งจะไม่ใส่น้ำมะขามเปียก)



น้ำพริกอ่อง



               น้ำพริกอ่อง เป็นน้ำพริกซึ่งนิยมรับประทานกันในภาคเหนือของประเทศไทยพอ ๆ กับน้ำพริกหนุ่ม มีรสเผ็ดพริก เปรี้ยวมะเขือเทศ และเค็มถั่วเน่า ส่วนผสมทั้งสามอย่างนี้ทำให้น้ำพริกมีสีแดงส้มสะดุดตา น้ำพริกอ่องจะมีลักษณะคล้ายผัดหมูสับ มากกว่าจะเป็นน้ำพริกไว้จิ้มทั่วไป สามารถใส่น้ำขลุกขลิกหรือใส่น้ำจนลักษณะคล้ายแกงก็ได้ เป็นน้ำพริกที่นิยมรับประทานกับแคบหมูและผักสด เช่น แตงกวาหั่นแว่น ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี มากกว่าผักลวกหรือผักนึ่ง น้ำพริกสำหรับผัดน้ำพริกอ่อง จะคล้ายน้ำพริกแกงส้มของทางภาคกลาง เพียงแต่ไม่ใส่กระชาย และใช้พริกแห้งแทนพริกหยวก (ภาษาเหนือเรียกว่า พริกหนุ่ม) น้ำพริกจึงประกอบไปด้วย พริก เกลือ หอมแดง กระเทียม กะปิ ถั่วเน่า สามารถใส่หรือไม่ใส่ตะไคร้ก็ได้ เดิมนั้นใช้ถั่วเน่าแผ่น ปิ้งไฟให้หอม ปัจจุบันสามารถใช้เต้าเจี้ยวสีน้ำตาลตามท้องตลาดแทนได้ การเจียวน้ำพริก หากไม่ชอบกระเทียมเจียวก็สามารถเจียวด้วยหอมแดงซอยน้ำพริกอ่องสามารถนำไปทำเป็นน้ำเงี้ยว ต่อได้

วิธีทำ
เครื่องปรุง

เครื่องปรุง

- หมูสับ 250 กรัม
- มะเขือเทศลูกใหญ่ 3-4 ลูก
- พริกแห้งบางช้างหั่นเป็นท่อน
เอาเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด


- ข่า 2 แว่น
- กะปิปิ้งไฟ หรือถั่วเน่า 1 ช้อนชา
- หอมแดง 2 หัว
- กระเทียมกลีบเล็ก 4 กลีบ
- รากผักชี 2 ราก
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา พอประมาณ
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- รสดีรสหมู 1 ช้อนชา
- ต้นหอมซอย พอประมาณ
- ผักชีซอย พอประมาณ

ผักแกล้ม : แตงล้าน กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ ผักไผ่ ถั่วฝักยาว

เครื่องเคียง : ข้าวเหนียว แคบหมู

วิธีทำ

1. โขลกพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ข่า รากผักชี กะปิหรือถั่วเน่ารวมกันให้ละเอียด
2. นำหมูสับลงไปย้ำกับครกให้เข้ากับเครื่องแกงน้ำพริกที่โขลกไว้ นำมะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้น เล็ก ๆ ใส่ลงในครกแล้วย้ำให้เข้ากัน แต่อย่าให้ละเอียด
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป พอร้อนใส่กระเทียมสับที่เหลือลงไป ผัดให้หอม นำเครื่องที่โขลกกับหมูไว้ลงผัดให้ทั่ว ใส่รสดีรสหมูลงไปผัดด้วยไฟอ่อน ปรุงรสด้วยน้ำปลา แล้วเคี่ยวจนกระทั่งมะเขือเทศเปื่อย
4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยผักชี ต้นหอม เสิร์ฟพร้อมกับผักสด และแคบหมู.

ขอบคุณสูตรจาก teenee.com
ภาพจากhttp://board.palungjit.com/







น้ำพริกหนุ่ม



             น้ำพริกหนุ่ม คือน้ำพริก อาหารพื้นบ้านล้านนาที่รู้จักกันทั่วไป ทำจากพริกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าพริกหนุ่มอาจจะใช้พริกหนุ่มที่แก่จัดหรือยังไม่แก่จัดก็ได้แต่ส่วนมากใช้พริกหนุ่มที่ยังไม่แก่จัด หอม และกระเทียม นำมาย่างและโขลกส่วนผสมและเกลือ รับประทานกับแคบหมู ผัก ข้าวเหนียว บางสูตรใส่ปลาร้าสับ และกะปิห่อใบตองย่างไฟ บางสูตรใส่น้ำปลากับเกลือ 



วิธีทำ

ส่วนประกอบของน้ำพริกหนุ่ม
พริกหนุ่มปิ้ง 10-15 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
มะเขือเทศห่าม ๆ 6-7 ผล
ปลาร้าปลาช่อน หรือ ปลากระดี่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกหนุ่มคั่ว 5 เม็ด
หัวหอมแดงปิ้ง 1/2 ถ้วยตวง
กระเทียมปิ้ง 1/4 ถ้วยตวง
น้ำปลาร้าต้มข้น ๆ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
1. ปลอกเปลือกพริก หอม มะเขือเทศ ที่ไหม้เกรียมออก
2. นำปลาร้าปลาช่อนมาห่อใบตองแล้วเผาไฟ แกะเนื้อปลามาสับให้ละเอียด
3.  โขลกพริก หอม กระเทียม มะเขือเทศ ที่เตรียมเอาไว้ทั้งหมด ใส่เนื้อปลาร้าสับและน้ำปลาร้าต้ม โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว
4. ตักใส่ถ้วยแล้ว จัดเสิร์ฟพร้อมกับแคบหมู
ขอบคุณรูปภาพสวย ๆ จาก http://www.pantown.com/board.php?id=28087&area=3&name=board4&topic=30&action=view






ไส้อั่ว


           ไส้อั่ว เป็นอาหารพื้นเมืองทางภาคเหนือของประเทศไทย อั่ว หมายถึง ใส่ไส้, แทรก, ยัดไว้ตรงกลาง ปกติทำจากเนื้อหมูบด (สามารถผสมกับมันแข็งของหมู เพื่อไม่ให้เนื้อหมูด้านเวลาสุก) ผสมพริกแห้ง กระเทียม ขมิ้น (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) ข่า ใบมกรูด หอมแดง และเครื่องปรุงรสแล้วกรอกลงไปในไส้อ่อนของหมูที่เกลาจนบางแล้ว บิดให้เป็นท่อนพอประมาณ จากนั้นนำไปย่างให้เกรียม จะทำให้มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน บางแห่งเปลี่ยนจากหมูเป็นหน่อไม้ซอยละเอียด สำหรับมุสลิมหรือไม่ประสงค์ที่จะรับประทานหมูอาจจะดัดแปลงใช้เนื้อสัตว์ชนิดอื่น แล้วก็กรอกเข้าไปในไส้สัตว์ชนิดอื่นหรือไส้เทียมแทน

ส่วนผสม ไส้อั่ว
1.             เนื้อหมูบด 1 กิโลกรัม
2.             ไส้หมู 300 กรัม
3.             ใบมะกรูด 10 ใบ
4.             ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
5.             ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง ไส้อั่ว
1.             พริกแห้ง 10 เม็ด
2.             ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
3.             ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4.             หอมแดง 10 หัว
5.             กระเทียม 20 กลีบ
6.             กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
7.             เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ ไส้อั่ว
1.             โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2.             ล้างไส้หมูให้สะอาด โดยใส่น้ำลงในไส้ แล้วกลับด้านในออกมาด้านนอก นำไปแช่น้ำใส่เกลือ ประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านนอกออกเหมือนเดิม
3.             ใส่เครื่องแกงลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบดให้เข้ากันใส่ผักชีต้นหอมซอย ใบมะกรูดซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4.             นำหมูที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้ว มากรอกใส่ไส้หมู โดยใช้กรวยช่วยในการกรอกหมูใส่ไส้เมื่อกรอกไส้จนเต็มแล้ว มัดปากไส้
5.             นำไส้อั่วที่ได้มาย่างไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองทั่ว ประมาณ 45 นาที







แคบหมู



                แคบหมู คือ หนังหมูหรือหนังหมูติดมันทอดให้พองและกรอบ เป็นอาหารที่ปรากฏในทุกภูมิภาคของโลก ในภาษาอังกฤษเรียก pork snack, pork rind, pork scratching หรือ pork crackling
ในประเทศไทย แคบหมูมักใช้รับประทานเป็นเครื่องเคียงอาหารอื่น ๆ เช่น น้ำพริก ก๋วยเตี๋ยว น้ำเงี้ยว ฯลฯ หรือเป็นส่วนผสมประกอบอาหารอื่น ๆ เช่น พวกน้ำพริกหรือแกง ถ้าใช้หนังสัตว์อื่น จะเปลี่ยนไปเรียกชื่อตามสัตว์นั้น ๆ เช่น แคบควาย ทำจากหนังกระบือ แต่ถ้าทำจากหนังโค จะเรียก หนังพอง

1. หนังหมูสด      1   กิโลกรัม
2. เกลือป่น         5   กรัม
3. ซีอิ้วขาว         14   กรัม


วิธีทำ


1. ทำความสะอาดหนังหมู โดยขูดออกจนสะอาด
2. นำไปต้มทั้งชิ้นใหญ่ ๆ จนสุก สังเกตได้จากการที่เอาเล็บหยิก หนังหมูได้ จากนั้นนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เลาะมันที่ติดอยู่กับหนังออกให้หมด
3. นำมาคลุกเคล้ากับเกลือป่น และซีอิ้วขาว แล้วหั่นเป็นชิ้นขนาด 1x2 นิ้ว หรือตามความชอบของผู้บริโภคแต่ละท้องถิ่น
4. นำไปตากแดด 5-8 ชั่วโมง หรืออบไฟที่อุณหภูมิ 70 c นาน 7 ชั่วโมง จนหนังหมูเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลอ่อน
5. ต้มในน้ำมันใช้ไฟอ่อน ๆ ประมาณ 30 นาที หนังหมูเมื่อสุกแล้ว ลอยตัวขึ้นมา และจะแตกเป็นตุ่มเล็ก ๆ เรียกว่า ตากบตาเขียด ร้อยละ 20-30 ของหนังหมู
6. ตักหนังหมูขึ้นจาก กระทะ ผึ่งให้เย็น ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ที่อุณหภูมิ ห้องปกติ หนังหมูก็จะเย็น
7. นำไปทอดในน้ำมันอีกครั้ง ใช้ไฟขนาดปานกลาง ไม่ร้อนจนเกินไป ขณะทอดให้ใช้ตะหลิว กวนในกระทะด้วย  เพื่อให้แคบหมูไดรับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูได้รับความร้อนเท่า ๆ กัน และเกิดการพองตัวเท่ากันทุกส่วน ขณะทอดแคบหมูหากใช้ไฟแรงจะทำให้ไหม้ ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไป จะทำให้อมน้ำมันทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเก็บไว้ในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้สนิท ป้องกันไม่ให้อากาศเข้า




ที่มา : www.krunid.com





อ้างอิง : http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/culture_lanna3.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น